สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 6-12 กันยายน 2564

 

ข้าว

1.สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 มาตรการสินค้าข้าว
1) แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย 5 ช่วง ดังนี้
ช่วงที่ 1 การกำหนดอุปสงค์และอุปทานข้าว ได้กำหนดอุปสงค์ 28.786 ล้านตันข้าวเปลือกอุปทาน 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก
ช่วงที่ 2 ช่วงการผลิตข้าว
2.1) การวางแผนการผลิตข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการวางแผนการผลิตข้าว ปี 2563/64
รวม 69.409 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 30.865 ล้านตันข้าวเปลือก จำแนกเป็น รอบที่ 1 พื้นที่ 59.884 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 24.738 ล้านตันข้าวเปลือก และรอบที่ 2 พื้นที่ 9.525 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 6.127 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถปรับสมดุลการผลิตได้ในการวางแผนรอบที่ 2 หากราคามีความอ่อนไหว ความต้องการใช้ข้าวลดลง และสถานการณ์น้ำน้อย รวมทั้งการปรับลดพื้นที่การปลูกข้าวไปปลูกพืชอื่น โดยจะมีการทบทวนโครงการ
ลดรอบการปลูกข้าวก่อนฤดูกาลเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2
2.2) การจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการจัดทำพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 จำนวน 59.884 ล้านไร่ แยกเป็น 1) ข้าวหอมมะลิ 27.500 ล้านไร่ ผลผลิต 9.161 ล้านตันข้าวเปลือก 2) ข้าวหอมไทย 2.084 ล้านไร่ ผลผลิต 1.396 ล้านตันข้าวเปลือก 3) ข้าวเจ้า 13.488 ล้านไร่ ผลผลิต 8.192 ล้านตันข้าวเปลือก 4) ข้าวเหนียว 16.253 ล้านไร่ ผลผลิต 5.770 ล้านตันข้าวเปลือก และ 5) ข้าวตลาดเฉพาะ 0.559 ล้านไร่ ผลผลิต 0.219 ล้านตันข้าวเปลือก
2.3) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดี และควบคุมค่าเช่าที่นา
2.4) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่โครงการส่งเสริมระบบนาแบบแปลงใหญ่โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวกข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม (กข79) และโครงการรักษาระดับปริมาณการผลิตและคุณภาพข้าว
2.5) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย
2.6) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการชาวนาปราดเปรื่อง
2.7) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ โครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวคุณภาพดีเพื่อการแข่งขัน และโครงการปรับปรุงและการรับรองพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นนุ่มพันธุ์ใหม่
2.8) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี
ช่วงที่ 3 ช่วงการเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว ได้แก่ โครงการสินเชื่อเพื่อสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร
ช่วงที่ 4 ช่วงการตลาดในประเทศ
4.1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจร และโครงการรณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ
4.2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปีโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกและโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ช่วงที่ 5 ช่วงการตลาดต่างประเทศ
5.1) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ การเจรจาขยายตลาดข้าวและกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าในต่างประเทศ โครงการกระชับความสัมพันธ์ และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทยเพื่อขยายตลาดไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น
5.2) ส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าวและนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและขยายตลาดข้าวไทยเชิงรุก โครงการผลักดันข้าวหอมมะลิไทยคุณภาพดีจากแหล่งผลิตสู่ตลาดโลก โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ โครงการจัดประชุม Thailand Rice Convention 2021 และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์
5.3) ส่งเสริมพัฒนาการค้าสินค้ามาตรฐาน และปกป้องคุ้มครองเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย
5.4) ประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยในตลาดข้าวต่างประเทศ
2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 และงบประมาณ ดังนี้
2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้ (1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน (2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน (3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน (4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ (5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64 ประกอบด้วย
3 มาตรการ ได้แก่
(1)โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2563/64 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร จำนวน 1.82 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาทข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 8,600 บาทรวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่
เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท
(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรปีการผลิต 2563/64โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 15,000 ล้านบาท
คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี
(3)โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2563/64 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกร
ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 - 31 มีนาคม 2564 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2564) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน)นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3
3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64
ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร  เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ (ครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท) ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ขอดำเนินการจ่ายเงินเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ปีการผลิต 2563/64 รอบที่ 1 กับกรมส่งเสริมการเกษตร ในอัตราไร่ละ 500 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท ก่อนในเบื้องต้น
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 9,785 บาท ราคาลดลงจากตันละ 9,898 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.14
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 7,471 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 7,456 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.20
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 24,450 บาท ราคาเพิ่มขึ้นจากตันละ 23,750 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.95
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 11,650 บาท ราคาลดลงจากตันละ 11,730 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.68
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 713 ดอลลาร์สหรัฐฯ (23,077 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 721 ดอลลาร์สหรัฐฯ (23,188 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.11 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 111 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 404 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,076 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 408 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,122 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.98 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 46 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 407 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,173 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 411 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,218 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.97 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 45 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 32.3663 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
          เวียดนาม
          ภาวะราคาข้าวส่วนใหญ่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 เนื่องจากอุปทานข้าวในประเทศเพิ่มมากขึ้นจากการที่เกษตรกรในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขงกำลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ร่วง (summer-autumn crop) ขณะที่ภาวะการค้าชะลอตัวลงเนื่องจากผู้ส่งออกได้ชะลอการรับมอบสินค้าจากผู้ค้าข้าวในประเทศในช่วงที่ยังคงมีมาตรการล็อคดาวน์อยู่ ซึ่งทำให้การเดินทาง การขนส่งสินค้า รวมทั้งการติดต่อทางการค้าถูกจำกัด โดยข้าวขาว 5% ราคาอยู่ที่ 385 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน เท่ากับเมื่อสัปดาห์ก่อน
          วงการค้าระบุว่า นอกจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาด้านโลจิสติกส์ในประเทศแล้ว การส่งออกในช่วงนี้ยังมีปัญหาจากต้นทุนค่าขนส่ง เช่น ค่าระวางเรือพุ่งสูงขึ้น และการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์อีกด้วย
          ที่มา Oryza.com และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

          เมียนมา
          กระทรวงพาณิชย์ของเมียนมา (Myanmar's Ministry of Commerce) ได้เสนอให้กำหนดราคาขั้นต่ำของข้าวเปลือก (the floor price for unhusked rice (paddy)) สำหรับฤดูการผลิต 2021/22 (ข้าวนาปีและนาปรัง) ไว้ที่ 560,000 จ๊าดต่อตัน หรือประมาณ 337 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน หลังจากที่มีการประชุมของคณะทำงานเรื่องดังกล่าว
เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยราคาที่เสนอในครั้งนี้เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 7.7 เมื่อเทียบกับราคา 520,000 จ๊าด
ต่อตัน หรือประมาณ 312.6 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน ในปีการผลิต 2020/21 ที่ผ่านมา
          ทางด้านเกษตรกรได้ให้ข้อมูลว่า การปรับขึ้นของราคาขั้นต่ำเมื่อเทียบกับปีผ่านมานั้นถือว่าเหมาะสม แต่ยังมีความกังวลว่าราคาดังกล่าวอาจไม่ครอบคลุมกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น เนื่องจากราคาปุ๋ยปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้
ผู้ค้าปุ๋ยก็ไม่ได้ให้สินเชื่อเหมือนปีที่ผ่านมา เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ
          กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) รายงานว่า สถานการณ์ส่งออกข้าวของเมียนมาในเดือนสิงหาคม 2564 มีแนวโน้มลดลงจากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากยังคงมีการปิดจุดผ่านแดนระหว่างเมียนมาและจีน ประกอบกับความต้องการข้าวจากประเทศในแถบแอฟริกาและสหภาพยุโรปที่ยังคงมีแนวโน้มลดลง รวมทั้งปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ค่าระวางเรือที่พุ่งสูงขึ้น ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน การหยุดชะงักของการทำธุรกรรม และความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยลบต่อการส่งออกข้าวในขณะนี้
          สำหรับการส่งออกข้าวในเดือนกรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา (การส่งออกตามช่องทางปกติทางเรือ และการ ส่งออกทางชายแดน) มีแนวโน้มลดลงเหลือประมาณ 70,000 ตัน เนื่องจากยังคงมีการปิดด่านชายแดน ขณะที่ความต้องการข้าวจากประเทศในแถบแอฟริกาและสหภาพยุโรปมีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้ ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กรกฎาคม 2564) เมียนมาส่งออกข้าว (รวมการส่งออกตามช่องทางปกติทางเรือ และการส่งออกทางชายแดน) ไปแล้วประมาณ 1.076
ล้านตัน ลดลงประมาณร้อยละ 22.7 โดยเป็นการส่งออกในช่องทางปกติทางเรือประมาณ 723,127 ตัน ลดลงประมาณ
ร้อยละ 38.5 และการส่งออกทางชายแดนประมาณ 352,925 ตัน เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 62.6 ทางด้านสถานการณ์
ราคาข้าวขายส่งในประเทศ ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 อยู่ในระดับทรงตัวจากเดือนก่อน เนื่องจากอุปสงค์ที่ชะลอตัว
โดยคาดว่าสถานการณ์ราคาจะยังคงอยู่ในระดับนี้ไปถึงเดือนสิงหาคม 2564 เนื่องจากยังคงมีการปิดด่านชายแดนเมียนมาและจีน และความต้องการที่ลดลงจากประเทศในแถบแอฟริกาและสหภาพยุโรป
          ที่มา Oryza.com และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
 
          จีน
          สำนักข่าว Global Times รายงานว่า ประเทศจีนประสบความสำเร็จในการเพาะปลูกข้าวยักษ์ (giant rice)
ซึ่งสูงเป็นสองเท่าของข้าวธรรมดา โดยข้าวชนิดพิเศษนี้ปลูกในนครฉงชิ่ง (Chongqing) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนในพื้นที่ประมาณ 15 หมู่ (ประมาณ 10,000 ตารางเมตร) และคาดว่าจะเก็บเกี่ยวได้ในเดือนกันยายนนี้
          นาย เฉิน หยางเปียว (Chen Yangpiao) รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาข้าวลูกผสมแห่งชาติของจีน สาขา
ฉงชิ่ง (the deputy director of Chongqing branch of China National Hybrid Rice Research and Development Center) กล่าวว่า มีการเพาะต้นกล้าข้าวยักษ์ในหมู่บ้านชางหง (Changhong) ในฉงชิ่งเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ และนำต้นกล้าไปปักดำในเดือนพฤษภาคม ซึ่งคาดว่าผลผลิตต่อหมู่น่าจะสูงถึง 750-900 กิโลกรัม (ประมาณ 1,798-2,158 กิโลกรัมต่อไร่, โดยพื้นที่ 1 หมู่ [MU (亩)] คือหน่วยวัดพื้นที่ของจีนเท่ากับ 1/15 เฮกตาร์ หรือเท่ากับประมาณ 0.4167 ไร่ หรือ 1 ไร่ เท่ากับ 2.4 MU หรือ 1 MU เท่ากับ 666.66 ตารางเมตร)
          นายเฉินให้ข้อมูลว่า ความสูงเฉลี่ยของต้นข้าวแต่ละต้นอยู่ระหว่าง 1.8-2.25 เมตร ซึ่งสูงกว่าต้นข้าวธรรมดามาก โดยข้าวชนิดนี้มีลำต้นที่แข็งแรง อีกทั้งยังทนต่อน้ำท่วมขังและดินที่เป็นด่าง (salt-alkali soil) นอกจากนี้ ยังสามารถ
นำสารอาหารที่เพียงพอมาสู่พืชที่ขึ้นอยู่ใกล้เคียงและเป็นที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุดสำหรับสัตว์น้ำและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
          ทั้งนี้ ในนาข้าวที่มีการปลูกข้าวยักษ์จะกักเก็บน้ำได้ลึก 60–80 เซนติเมตร ซึ่งจะทำให้ทุ่งนาเอื้อต่อการเลี้ยงปลา กุ้ง หรือปู โดยตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป จะมีการเพาะปลูกข้าวในรูปแบบนี้ในพื้นที่หลายพันหมู่ที่นครฉงชิ่ง
          ที่มา Oryza.com และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้

ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.76 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 7.73 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.39 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.27 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.22 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.80                     
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.74 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 10.39 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.37 และราคาขายส่งไซโล รับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.31 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 10.11 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.98
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 337.00 ดอลลาร์สหรัฐ (10,904.00 บาท/ตัน) สูงขึ้นจากตันละ 328.80 ดอลลาร์สหรัฐ (10,574.41 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 14.66 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 329.59 บาท
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนธันวาคม 2564 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกัน ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 496.60.00 เซนต์ (6,414.11 บาท/ตัน) ลดลงจากบุชเชล 523.00 เซนต์ (6,709.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 5.05 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 294.89 บาท

 


มันสำปะหลัง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2564 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 – กันยายน 2564) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 9.507 ล้านไร่ ผลผลิต 31.632 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 3.327 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 8.918 ล้านไร่ ผลผลิต 28.999 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.252 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ผลผลิตและผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.60 ร้อยละ 9.08 และร้อยละ 2.31 ตามลำดับ โดยเดือนกรกฎาคม 2564 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 0.594 ล้านตัน (ร้อยละ 1.78 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2564 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2564 ปริมาณ 18.40 ล้านตัน (ร้อยละ 61.13 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
เป็นช่วงปลายฤดูการเก็บเกี่ยว ส่งผลให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย โดยผลผลิตมีคุณภาพต่ำเนื่องจากมีฝนตก ทั้งนี้หัวมันสำปะหลังส่วนใหญ่ไหลเข้าสู่โรงงานแป้งมันสำปะหลัง 
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.08 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 2.04 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 1.96
ราคามันเส้นสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.69 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.37 บาท ในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 5.02
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ7.55 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 7.54 บาทในสัปดาห์ก่อนคิดเป็นร้อยละ 0.13
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 14.05 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 250 ดอลลาร์สหรัฐฯ (8,092 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (8,036 บาทต่อตัน) 
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 478 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,471 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (15,364 บาทต่อตัน)

 


ปาล์มน้ำมัน

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2564 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนกันยายนจะมีประมาณ 1.119 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.201 ล้านตัน ลดลงจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.379 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.248 ล้านตัน ของเดือนสิงหาคม คิดเป็นร้อยละ 18.85 และร้อยละ 18.95 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 6.83 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 6.78 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.74                           
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 36.90 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 36.65 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.68                           
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
ราคาน้ำมันปาล์มสูงขึ้น เนื่องจากมาเลเซียส่งออกเพิ่มขึ้น แต่มีการผลิตที่ลดลง พบว่าในสัปดาห์แรกของเดือน ก.ย. การผลิตของมาเลเซียลดลงร้อยละ 25 จากเดือน ส.ค. แต่การส่งออกในสัปดาห์แรกของเดือน ก.ย. เพิ่มสูงขึ้นประมาณ
ร้อยละ 90 จากเดือน ส.ค. MPOB คาดว่าราคาน้ำมันปาล์มจะอยู่ที่ประมาณตันละ 4,000 ริงกิต ตลอดช่วงที่เหลือของปี 2564
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 4,633.88 ดอลลาร์มาเลเซีย (36.96 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 4,492.28 ดอลลาร์มาเลเซีย (35.54 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 3.15    
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,246.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ (40.89 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 1,232.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (40.15 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.16
หมายเหตุ  :  ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน

 


อ้อยและน้ำตาล
  1. สรุปภาวะการผลิต  การตลาดและราคาในประเทศ
           ไม่มีรายงาน
  1. สรุปภาวการณ์ผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
          ราคาน้ำตาลทรงตัวที่ระดับปัจจุบันหลังจากการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาเมื่อเร็วๆ นี้  Barchart กล่าว ผู้สังเกตการณ์ในตลาดจับตาดูสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดเพื่อดูผลกระทบต่อพืชผลในภาคกลาง-ใต้ของบราซิล ปี 2565/2566 ซึ่งขณะนี้ คาดว่าจะดีกว่า 2564/2565
          มีรายงานไฟไหม้ไร่อ้อยในพื้นที่ Paraiso และ Balsamo ของรัฐเซาเปาโล ประเทศบราซิล ในช่วงสุดสัปดาห์ ในรัฐมินัสเชไรส์เจ้าหน้าที่ใช้เวลาถึง 9 ชั่วโมง ในการควบคุมไฟที่ไหม้พื้นที่ 300 เฮกแตร์ ใกล้กับตูปาซิกัวราในมินัสเชไรส์
          พรรคการเมืองในรัฐปัญจาบ ประเทศอินเดีย วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของรัฐที่ไม่เพิ่มราคาอ้อยขั้นต้นของรัฐ (SAP) ในช่วง 4 ปี ที่ผ่านมา ในทำนองเดียวกันสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งรัฐกรณาฏกะขู่ว่าจะประท้วงเพื่อเรียกร้องให้มีราคายุติธรรมและค่าตอบแทนที่สูงขึ้น (FRP) เนื่องจากมีข้อโต้แย้งว่าการเพิ่มขึ้นล่าสุดที่ประกาศโดยรัฐบาลกลางของอินเดียนั้นไม่เพียงพอ




 

 
ถั่วเหลือง

1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมันสัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเท (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,268.25 เซนต์ (15.29 บาท/กก.)
ลดลงจากบุชเชลละ 1,288.60 เซนต์ (15.43 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.58
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 338.25 ดอลลาร์สหรัฐฯ (11.10 บาท/กก.)
ลดลงจากตันละ 343.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ (11.19 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.47
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 56.74 เซนต์ (41.03 บาท/กก.) ลดลงจากปอนด์ละ 59.19 เซนต์ (42.52 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 4.14


 

 
ยางพารา
 
 

 
ถั่วเขียว

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.93 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 28.98 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.17
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 30.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 27.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 38.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 37.60 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.06
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 24.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 30.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 30.80 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.60
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี        
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 957.75 ดอลลาร์สหรัฐ (31.00 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 962.80 ดอลลาร์สหรัฐ (30.96 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.52 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.04 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 864.25 ดอลลาร์สหรัฐ (27.97 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 869.20 ดอลลาร์สหรัฐ (27.95 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.57 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,206.50 ดอลลาร์สหรัฐ (39.05 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 1,200.80 ดอลลาร์สหรัฐ (38.62 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.47 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.43 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 771.00 ดอลลาร์สหรัฐ (24.95 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 775.20 ดอลลาร์สหรัฐ (24.93 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.54 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 951.50 ดอลลาร์สหรัฐ (30.80 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 981.60 ดอลลาร์สหรัฐ (31.57 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.07 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.77 บาท


 

 
ถั่วลิสง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้ 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 41.58 สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 40.57 บาท ในสับดาห์ก่อนร้อยละ 2.49
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 25.37 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 21.66 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 17.13
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 57.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 54.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน


 

 
ฝ้าย

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
    ราคาที่เกษตรกรขายได้
  ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
     ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
     ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนตุลาคม 2564 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 95.10 เซนต์ (กิโลกรัมละ 68.78 บาท) เพิ่มขึ้นจากปอนด์ละ 93.80 เซนต์ (กิโลกรัมละ 68.66 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.39 (เพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 0.12 บาท)
 

 

 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,732 บาท ลดลงจาก กิโลกรัมละ 1,763 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.74 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,528 บาท สูงขึ้นจาก กิโลกรัมละ 1,485 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.94 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,043 บาท สูงขึ้นจาก กิโลกรัมละ 1,039 บาทคิดเป็นร้อยละ 0.39 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ปศุสัตว์
 
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
  
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลง เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อสุกรที่ออกสู่ตลาดมีมากกว่าความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  67.73 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 68.69  คิดเป็นร้อยละ 1.40 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 65.85 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 70.23 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 67.69 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 66.51 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 1,600 บาท ลดลงจาก ตัวละ 1,800 บาท คิดเป็นร้อยละ 11.11 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.30 ลดลงจากกิโลกรัมละ 70.90 บาท คิดเป็นร้อยละ 5.08 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
 
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดยังคงสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 34.43 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 34.42 บาทคิดเป็นร้อยละ 0.03 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 35.00 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 34.78 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 33.46 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 42.91 บาท ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 6.50 ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 28.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 48.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ

สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 298 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 308 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 293 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 298 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 28.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 335 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 354 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 366 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 371 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 328 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 350 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 335 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 

โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 95.30 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 94.91 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.40 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 94.08 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 95.60 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 88.68 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 106.07 บาท

กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 77.19 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 75.93 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.66 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 87.83 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 75.14 บาท  ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน 
 
 

 
 

 
ประมง

สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 6 – 12 กันยายน 2564) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
 2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.) ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 25.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 80.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 78.86 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 76.88 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.98 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 140.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 120.82 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 127.96 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 7.14 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 120.00 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 123.33 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 3.33 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง) ราคาปลาทูสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 78.57 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 64.18 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 14.39 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 85.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง) ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 150.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 110.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 40.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 180.00 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 214.29 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 34.29 บาท
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.61 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับราคาขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.00 บาท และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 30.00 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา